วิธีมองหาข้อดี ของคนที่เราเกลียด...?
เรื่องจะให้ค้นหา “ข้อดี” ของคนที่เกลียด
หรืออีกฝ่ายที่ไม่ชอบหน้าน่ะ เป็นไปไม่ได้แน่!
เมื่อได้ยินคนพูดประโยคเช่นนี้ มหาเศรษฐีจะตอบว่า
“แค่มองในมุมที่ต่างออกไป ความคิดก็ต่างไปโดยสิ้นเชิงแล้ว”
“แค่มองในมุมที่ต่างออกไป ความคิดก็ต่างไปโดยสิ้นเชิงแล้ว”
ผมขอยกตัวอย่างที่จะทำให้คุณเข้าใจคำพูดดังกล่าวได้ดีขึ้นก็แล้วกัน สมมติว่าคุณเป็นแม่ของ “ลูกชาย” และ “ลูกสาว” โดยทั้งสองคนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ออกเรือนมีครอบครัวแล้ว
ในวันหยุดวันหนึ่ง คุณซึ่งเป็นแม่มีโอกาสไปเยี่ยมครอบครัวของ “ลูกสาว” และพูดคุยกับลูกสาวอย่างสนุกสนานกระทั่งเย็น เมื่อเห็นว่าดวงอาทิตย์ตกดินแล้ว ลูกเขยก็รีบออกไปเก็บผ้าที่ตากไว้เข้าบ้านอย่างรู้หน้าที่
“แหม...ช่างเป็นสามีที่ช่วยเหลือภรรยาดีจริงๆ” ในฐานะคนเป็นแม่ของ “ลูกสาว” คุณย่อมรู้สึกชื่นชม
คราวนี้ลองเปลี่ยนให้คุณไปเยี่ยมครอบครัวของ “ลูกชาย” ดูบ้าง คุณพูดคุยกับลูกชายและลูกสะใภ้อย่างสนุกสนานกระทั่งตกเย็นเช่นกัน เมื่อเห็นว่าดวงอาทิตย์ตกดินแล้ว ลูกชายของคุณก็ลุกขึ้นไปเก็บผ้าที่ตากไว้เข้าบ้านอย่างรู้ทันหน้าที่ ความประทับใจของคุณในเวลานั้นจะเป็นแบบใด
“ตายจริง! ใช้ให้ลูกชายของฉันทำเรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกัน แม่ลูกสะใภ้คนนี้คงไม่ได้จิกหัวใช้งานลูกชายเราตลอดหรอกนะ!”
ทั้งที่อยู่ในสถานการณ์ผู้เป็นสามีเก็บผ้าเหมือนกัน แต่เมื่อสถานะของตัวเองต่างไป มุมมองความคิดก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ นั่นคือเรื่องของมุมมอง คนเรามักมองและคิดสิ่งต่างๆ จากมุมมองของตัวเอง
ด้วยเหตุนี้ คำแนะนำอาจกลายเป็นคำบ่น คำชมอาจกลายเป็นการพูดมากเกินได้ ขึ้นอยู่กับสถานะของตัวเองในเวลานั้นๆ ซึ่งทั้งหมดเป็นปัญหาที่เกิดจากการตีความ
มหาเศรษฐีสามารถดึงคนที่เกลียดมาเป็นมิตรได้ เพราะพวกเขารู้จักมองคนจากหลายๆ มุมมอง ทำให้สามารถดึงศักยภาพของพนักงานที่อาจถูกตราหน้าว่าไม่ได้ความ ให้ทำงานจนเกิดเป็นผลสำเร็จอย่างมากได้
นอกจากนี้ ผู้ได้รับโอกาสให้แสดงความสามารถก็ยังเกิดความเคารพชื่นชมในตัวมหาเศรษฐี และพร้อมจะเป็นพลังให้จนถึงที่สุด รู้จักมองหา “ข้อดี” ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครก็ตาม พยายามเปลี่ยนมุมมองของตน ด้วยการลองคิดพิจารณาจากหลายๆ มุม
หลักการทั้งสองนี้ใช้อธิบายความหมายของประโยคที่ว่า “หากไม่มองให้เห็นถึงด้านหลังของเหรียญ ก็ยากจะได้รับโอกาส” ได้เป็นอย่างดี
ที่สำคัญคือ การเริ่มต้นปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นด้วย “การมองหาข้อดี” จะช่วยให้ไม่รู้สึกชิงชังอีกฝ่าย หรือประเมินค่าอีกฝ่ายไปในด้านใดด้านหนึ่งมากจนเกินไป ทำให้การคบค้าสมาคมราบรื่นขึ้น เรียนรู้ว่า คนเรามีแนวโน้มจะมองและพิจารณาสิ่งต่างๆ จากแค่เฉพาะมุมมองของตัวเอง
ที่มา : หนังสือ นิสัยเศรษฐี คนมีดี ไม่ได้มีแค่เงิน
เขียนโดย : โทนี่ โนะนากะ ; แปลโดย : อนิษา เกมเผ่าพันธ์
ขอบคุณ ห้องสมมุดมารวย
เขียนโดย : โทนี่ โนะนากะ ; แปลโดย : อนิษา เกมเผ่าพันธ์
ขอบคุณ ห้องสมมุดมารวย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น